คำเตือนจากรุ่นพี่
ที่เคยเรียนที่สุวรรณโคมคำ โพธิ์สามต้น บางกอกใหญ่
ยุทธไผ่ดำ
ได้บิดเบือนประวัติสุวรรณโคมคำ ก๊อปปี้ผลงานคนอื่นมาปลอมแปลง จับแพะชนแกะ
สร้างคัมภีร์สุวรรณโคมคำเก๊สารพัดรูปแบบ หลอกลวงประชาชน นำออกขายในราคาแพง ทำของปลอม
อ้างชื่อสุวรรณโคมคำมาขาย แล้วยังซ้ำอ้างบุญมาบังหน้าว่าจัดพิมพ์ เพื่อจะเอาไปสร้างสถานปฏิบัติธรรมและส่งเสริมการปลูกสมุนไพรของมูลนิธิ
เพื่อจูงใจให้ผู้คนยอมจ่ายในราคาแพงด้วยใจปีติในอานิสงส์ โปรโมทพิมพ์ออกขายสารพัดรูปแบบ
สารพัดเล่ม สารพัดครั้ง ขายหมดเกลี้ยงเป็นจำนวนพิมพ์นับไม่ถ้วน โดยผู้ที่ซื้อไปหารู้ไม่ว่าเป็นตำราเก๊ที่ยุทธไผ่ดำขโมยก้อปปี้คนอื่น
มาปลอมแปลงจนเละเทะ และอวยเป็นของตัวเอง แถมทุจริตยักยอกเงินบุญกุศล (ของผู้ไม่รู้เท่าถึงการณ์ทั้งหลาย)
นั้นไปจนหมดสิ้น ไม่เคยนำเงินไปสร้างทำธรรมสถาน (โครงการปลูกสมุนไพรโดยวิธีธรรมชาติเกษตรอินทรีย์และเศรษฐกิจพอเพียงควบคู่คุณธรรมตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่9
และโครงการก่อสร้างอาคารโรงเรือนการเกษตรควบคู่ตึกกรรมฐาน เรือนกรรมฐานเขตอุบาสก
เขตอุบาสิกา) ดังที่พิมพ์อ้างไว้เลย
ซึ่งธรรมสถานฯนั้น แท้จริงเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่พระอีกรูปหนึ่งสร้างไว้เป็นอย่างดีทุกสรรพสิ่งมากมายให้กับมูลนิธิ แต่เมื่อมาถึงมือไผ่ดำ ไผ่ดำกลับปลอมประวัติอีกเช่นกัน ว่าผลงานการสร้างทำทั้งหมดนั้นเป็นผลงานการสร้างทำของตนเองทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นทุกอย่าง แต่ความจริงเป็นตรงกันข้าม คือไผ่ดำไม่ได้สร้างทำอะไรเลย เมื่อไผ่ดำได้มาก็เข้าพร่าผลาญทุกสิ่ง ปล่อยทิ้งรกร้าง ทรุดโทรม (ได้แต่ใช้กล่าวอ้างเป็นเครื่องมือลวงบุญเท่านั้น) เสียหายเละเทะเนิ่นนาน จนชาวบ้านและผู้นำชุมชนทนเห็นความอกุศลล่อลวงทุจริตนั้นไม่ได้ ชาวบ้านนำโดยกำนันจึงร้องเรียนไปยังสปก. และสปก.ก็ได้เข้ามาตรวจสอบแล้วยืนยันว่ามีความผิดจริง จึงอยู่ระหว่างภาคทัณฑ์เตรียมเข้ายึดคืนสปก. (ไผ่ดำกลัวเรื่องแดง ตัวเองจะถูกจับสึก จึงขอยืดระยะเวลาไว้กับสปก. อ้างว่าจะรีบเข้าจัดสร้างดำเนินตามโครงการโดยไว แต่ก็ได้เพียงหลอกพาพระเณรและผู้คนกลุ่มเล็กๆ ไปหลอกถ่ายภาพส่งสปก. ทำให้ดูเหมือนมีกิจกรรมอยู่บ้าง ยืดเวลาตาย กันเรื่องแดงไปวันๆ แต่ไม่ได้เข้าสร้างทำอะไรตามโครงการเลยสักนิด ในที่สุดสปก. ก็จะเข้าตรวจซ้ำและยึดคืนจนได้)
ซึ่งธรรมสถานฯนั้น แท้จริงเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่พระอีกรูปหนึ่งสร้างไว้เป็นอย่างดีทุกสรรพสิ่งมากมายให้กับมูลนิธิ แต่เมื่อมาถึงมือไผ่ดำ ไผ่ดำกลับปลอมประวัติอีกเช่นกัน ว่าผลงานการสร้างทำทั้งหมดนั้นเป็นผลงานการสร้างทำของตนเองทั้งสิ้นตั้งแต่ต้นทุกอย่าง แต่ความจริงเป็นตรงกันข้าม คือไผ่ดำไม่ได้สร้างทำอะไรเลย เมื่อไผ่ดำได้มาก็เข้าพร่าผลาญทุกสิ่ง ปล่อยทิ้งรกร้าง ทรุดโทรม (ได้แต่ใช้กล่าวอ้างเป็นเครื่องมือลวงบุญเท่านั้น) เสียหายเละเทะเนิ่นนาน จนชาวบ้านและผู้นำชุมชนทนเห็นความอกุศลล่อลวงทุจริตนั้นไม่ได้ ชาวบ้านนำโดยกำนันจึงร้องเรียนไปยังสปก. และสปก.ก็ได้เข้ามาตรวจสอบแล้วยืนยันว่ามีความผิดจริง จึงอยู่ระหว่างภาคทัณฑ์เตรียมเข้ายึดคืนสปก. (ไผ่ดำกลัวเรื่องแดง ตัวเองจะถูกจับสึก จึงขอยืดระยะเวลาไว้กับสปก. อ้างว่าจะรีบเข้าจัดสร้างดำเนินตามโครงการโดยไว แต่ก็ได้เพียงหลอกพาพระเณรและผู้คนกลุ่มเล็กๆ ไปหลอกถ่ายภาพส่งสปก. ทำให้ดูเหมือนมีกิจกรรมอยู่บ้าง ยืดเวลาตาย กันเรื่องแดงไปวันๆ แต่ไม่ได้เข้าสร้างทำอะไรตามโครงการเลยสักนิด ในที่สุดสปก. ก็จะเข้าตรวจซ้ำและยึดคืนจนได้)
ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้เห็นได้อย่างชัดเจนโดยมีเอกสารของสปก.ที่ผู้นำชุมชนได้ให้ข้าพเจ้ามา
เป็นเครื่องยืนยัน จะเห็นได้ว่าเงินทองเงินบุญกุศลทั้งหลายไม่เคยถึงธรรมสถานฯ เลยจริงๆ
นี่เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งมุขหนึ่งในการทำเรื่องเท็จ ล่อลวง ทุจริต แอบอ้าง ของไผ่ดำ
เงินทองมากมายขนาดไหนที่ทุจริตไป ความเสื่อมเสียแค่ไหนที่เกิดขึ้นแก่สุวรรณโคมคำ และพระพุทธศาสนาเองจะได้รับความเสียหายไปด้วยหรือไม่มากน้อยเพียงใด
พี่น้องชาวสุวรรณโคมคำ และปัญญาชนทั้งหลายลองคิดดูเถิด
ล่าสุดไผ่ดำคิดมุขตั้งกองทุนบูรพาจารย์
แท้จริงคือกองทุนเสพสุข ท่องเที่ยว และเข้าย่ามของไผ่ดำใช่ไหม
เป็นแค่อีกมุขของการหลอกลวงดึงเงินจากกระเป๋าญาติโยมมาใส่ย่ามส่วนตัว
เพื่อสนองกิเลสตัณหาตนอีกทางเท่านั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น