http://suwankhom.blogspot.com/
เห็นโพสกฐินเมื่อคืน (แต่มีงานตั้งแต่ 27-28)
โดยไม่บอกจำนวนยอดเงินทำบุญกฐิน แต่บอกไว้ว่า กฐินนี้ จะนำไปทำพระวิหาร พระพุทธชินราชในธรรมสถานสุวรรณาภา ซึ่งจริงๆแล้ว พระวิหารพระพุทธชินราชในธรรมสถานฯ บอกบุญกันมานานแล้ว มีเจ้าภาพแล้ว มีบอกบุญมานานเป็นปีๆแล้ว และสร้างเสร็จนานแล้ว แต่กลับมาบอกว่าเงินกฐินครั้งนี้ จะนำไปสร้างวิหารพระพุทธชินราช แถมยังไม่บอกยอดเงินกฐินอีก (ขอย้ำว่า ซึ่งบอกบุญ และสร้างเสร็จไปนานแล้ว) ซึ่งเป็นเรื่องที่ซ้ำซ้อนอย่างมาก วิหารนี้บอกบุญเป็นปีๆ สร้างเสร็จนานเป็นปีๆแล้ว แต่กลับบอกว่าเอาเงินกฐินที่เพิ่งทอดนี้ไปทำ ฉะนั้นแท้จริงแล้ว เงินกฐินหายไปไหน? สังเกตุได้ว่า เมื่อมีกฐิน หรือผ้าป่า แต่ละครั้ง จากนั้นไม่นาน ไผ่ดำ มักจะไปต่างประเทศเสมอ โดยอ้างว่า เดินทางไปเพื่อหาวิชชาสุวรรณโคมคำตามแหล่งตามที่ต่างๆ ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก มาพัฒนามูลนิธิฯ และธรรมสถาน แต่ปรากฎว่า ที่ไปนั้นไม่เกี่ยวเลย ไม่เกี่ยวกับวิชชาเลย และไม่ได้มีการนำมาพัฒนามูลนิธิฯ หรือ ธรรมสถานฯ ใดๆ ทั้งสิ้น (ดูได้จากมูลนิธีฯ และธรรมสถานฯ ที่โทรมลงๆ ทุกวัน) ซึ่งมักจะอ้างเช่นนี้เสมอ เพื่อสร้างภาพไปต่างประเทศ หลังกฐินผ้าป่า เป็นประจำ แสดงว่า ไม่ได้ใช้เงินตัวเองไป! เพราะอ้างว่าไปเพื่อ สุวรรณโคมคำ แล้วไปหลังกฐินผ้าป่า เป็นประจำ ก็ชัดเจนว่า เอางบกฐินผ้าป่าใส่ย่ามตัวเองไปเที่ยวต่างประเทศ เสร็จจากการทอดกฐินผ้าป่าเมื่อไหร่ ก็ไป(เที่ยว) ต่างประเทศเมื่อนั้น โดยอ้างเอางบกองกลาง ไปสนองตัณหากิเลสตนเอง
ไผ่ดำ จะโกหก เช่นนี้เสมอ โดยเอาสุวรรณโคมคำบังหน้า บอกบุญชาวสุวรรณโคมคำ ว่าจะทำเพื่อมูลนิธิฯ และธรรมสถาน ของสุวรรณโคมคำ เพื่อชาวสุวรรณโคมคำตามปณิธานองค์กร แต่เงินกลับไปไม่ถึงมูลนิธิฯ และธรรมสถานของสุวรรณโคมคำอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับไปสนองกิเลสตัณหาความสุข และการมีเครดิต การหน้ามีตา ของไผ่ดำ เขาโกหกเช่นนี้เสมอ โกหกสารพัดเรื่อง เช่นจำนวนรุ่นของรัตตัญญู ที่อ้างว่า เป็นการอบรมถ่ายทอดวิชชา ณ ธรรมสถาน จ.พิษณุโลก แท้จริงลวงพระไปทำงาน และไม่ได้ให้อะไร ไม่ได้สอนอะไรจริง แต่ถ่ายภาพมาแล้วประกาศ รุ่นนั้นรุ่นนี้ ทำปีละรุ่น แต่นับเพิ่ม ประกาศตัวเลขขยับปีละสองรุ่น โกหกชาวสุวรรณโคมคำ โกหกประชาชน โกหกคนไทย โกหกชาวพุทธ แม้กระทั่งรุ่นการเรียนที่เปิดสอนอยู่ที่มูลนิธิฯ ก็โกหก สร้างขึ้นมาเอง เจตนาให้คนเข้าใจผิดว่าตัวเองเก่าแก่ มีรุ่นมากกว่าใคร ฯลฯ
http://suwankhom.blogspot.com/
และแท้ที่จิง เงินทำบุญไม่เคยไปถึง ธรรมสถาน ดินแดนแห่งหุบเขาสุวรรณโคมคำ ดังที่กล่าวอ้าง เพราะชาวบ้านที่รับเหมาทำวิหารพระพุทธชินราช ยืนยันว่า ได้รับเหมาสร้างทำวิหารไปจนเสร็จสมบูรณ์นานแล้ว แต่จนบัดนี้ ก็ยังไม่เคยได้รับค่าจ้างรับเหมาตามตกลงกันไว้ จากไผ่ดำสักบาทเดียว เห็นมีการบอกบุญสร้างวิหารนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่เคยได้รับเงินค่าจ้างรับเหมาสักบาทเดียว ชาวบ้านยากจน ผู้รับเหมาสร้างวิหารพระพุทธชินราชด้วยใจศรัทธา ยืนยันความจริงเป็นมั่นคงเช่นนี้ ไม่เพียงแค่นั้น ชาวบ้านรับเหมาผู้ยากจนคนนี้ ยังได้รับการบอกให้ไปทำการเกษตร ให้เต็มพื้นที่ธรรมสถานฯ เพื่อไม่ให้ธรรมสถานรกร้าง โดยแลกกันกับ ได้ทำผืนดินทำกิน ในธรรมสถานประทังชีวิต แต่เหตุการณ์กลับปรากฎว่า ไม่ได้รับเงินสนับสนุนใดใดสักบาทเดียว ทุกอย่างเค้าต้องออกเองทุกครั้งสิ้น เครื่องตัดหญ้าก็ต้องหาเอง น้ำมันก็ต้องซื้อเอง เครื่องพ่นสารเคมีและสารเคมีทุกอย่างก็ต้องออกเอง จ้างแรงงานคนมาช่วยทำการเกษตรเอง และให้ช่วยเก็บกวาดดูแลซ่อมแซมเสนาสนะทุกอย่างในธรรมสถานให้หมด และให้สามีภรรยาคู่นี้เข้ามานอนเฝ้าธรรมสถานด้วย หุงหากินเอง ให้ข้าวหมาแมวในธรรมสถานเอง สรุปแล้วให้ออกงบเองทุกอย่าง โดยทำการเกษตรเคมี ประทังชีวิตแบบชาวบ้านทั่วไป โดยไม่ได้รับการสนับสนุนใดใดทั้งสิ้น แต่มอบหมายภาระงานในการดูแลธรรมสถานทุกอย่าง ให้เป็นภาระรับผิดชอบ และเป็นค่าใช้จ่ายของ 2 สามีภรรยายากจนคู่นี้ จัดการเองทัง้หมด แต่ไผ่ดำกลับบอกบุญประกาศผลงาน ว่างบทำบุญเหล่านั้น ไดัถูกนำมาทำการเกษตร โดยวิธีธรรมชาตื ที่ไม่ใช้สารเคมี ตามแนวเกษตรพอเพียง ของในหลวง ตามโครงการของธรรมสถาน ที่ยื่นขออนุญาติไว้กับสปกพิดโลกทุกประการ
สรุปแล้วเงินทั้งหมดหายไปไหน
http://suwankhom.blogspot.com/
ซึ่งเงินที่บอกบุญมาตลอดหลายปี ไผ่ดำก็บอกว่าเอาไปใช้ในการพัฒนาธรรมสถาน แต่เงินไม่เคยถึงธรรมสถาน จนผู้นำชุมชนคนก่อน ทนไม่ได้ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนให้สปกเข้ามาตรวจธรรมสถาน และสปกก็ได้เข้ามาตรวจ เมื่อปีก่อน และออกใบเตือน ว่าจะเข้ายึดธรรมสถาน นำผืนดินไปจัดสรให้แก่เกษตรกรผู้ยากจน ตามนโยบายรัฐฯ เพราะธรรมสถานไม่มีการพัฒนาอะไรเลย
ตามโครงการที่ยื่นไว้กับสปก และตอนนั้นไผ่ดำ ก็ไปหลอกสปกเพื่อขอยืดระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง เพื่อจะทำการพัฒนาตามโครงการที่ขออนุญาติก่อตั้งไว้ตั้งแต่ต้น แต่สุดท้ายก็โกหกอีก ตอนนี้ผู้นำชุมชนคนใหม่ของหมู่บ้าน ก็ทนไมไหวแล้วเช่นกัน เตรียมยื่นร้องเรียนสำทับกับสปก ให้เข้ามาตรวจยึดโดยไว และชาวบ้านผู้รับเหมาผู้ยากจน ก็พูดคุยและอัดเสียงไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นพยานในความจริงเหล่านี้ ยืนยันไปถึงสปกด้วย เพราะเขาก็ทนไม่ได้ และต้องการยุติเรื่องหลอกลวงเหล่านี้ และให้ราชการ เข้าตรวจยึดผืนดิน ธรรมสถาน มาจัดสรรแจกจ่าย ให้ถึงมือแก่เกษตรกร ผู้ยากจนที่แท้จิง ที่ทำกินอยู่จริงในผืนดินผืนนั้น ตามนโยบายสปกของรัฐสืบไป
http://suwankhom.blogspot.com/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น